วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2551

เช็งเม้ง เทศกาลไหว้บรรพบุรุษ

ช่วงเวลานี้ตามความเชื่อและวัฒนธรรมเก่าแก่ของคนจีน เป็น ช่วงเทศกาลเช็งเม๊งครับ .... และในฐานะลูกหลานคนจีนคนหนึ่ง ทำให้ผมได้มีโอกาสไปไหว้บรรพบุรุษ ที่ฝากฝังอยู่ที่ต่างจังหวัด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง ... ไหนๆก็อยู่ในช่วงเทศกาลแล้ว ผมก็เอาเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเทศกาลนี้มาฝากกันครับ
credit: http://www.chulapijarn.sgcu.chula.ac.th/chingming/index.html

ที่มาที่ไปของ เช็งเม้ง!!

เทศกาลเช็งเม้งเป็นธรรมเนียมการไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ยในช่วงเดือน 3 ของจีน โดยกำหนดให้ไหว้ภายใน 15 วันแรกของเดือน วันไหนก็ได้ ซึ่งที่เมืองไทยนิยมไปไหว้ [ปีนี้เป็น]วันที่ 5 เมษายน แต่บางบ้านก็อาศัยดูวันดี และก็มีอีกหลายบ้านที่อาศัยดูวันสะดวกตำนานการไหว้ที่ฮวงซุ้ย มาจากว่า เดือน 3 เป็นช่วงเวลาในฤดูใบไม่ผลิของจีน ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มสวยงามสมควรแก่การไปชมทิวทัศน์ จึงเกิดเป็นธรรมเนียมไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานแทนการไหว้อยู่ในบ้านแต่ต้องไปไหว้ในช่วงเช้า อย่าให้เลยเวลาเที่ยง เมื่อไปถึงสุสานให้ไหว้เจ้าที่แป๊ะกงด้วยของคาวของหวาน ผลไม้ ขนมอี๊ 5 ที่ 5 ถ้วย เพราะการไหว้เจ้าคือการไหว้ธาตุทั้ง 5เวลาจุดธูปไหว้ ก็ต้องไหว้ธูป 5 ดอก บางแห่งมีไหว้เจ้าประตู หรือที่เรียกกันว่า " มึ่ง-ซิ้ง" ก็ต้องไหว้ธูปเพิ่มอีก 2 ดอก ปักที่เสาประตูข้างละดอก จากนั้นจึงเข้าไปไหว้บรรพบุรุษที่หลุม ซึ่งทางสุสานจะปัดกวาดทำความสะอาด ดายหญ้า และกางเต็นท์ไว้ให้ ถ้าเราสั่ง โดยเสียค่าบริการให้









ของไหว้หลุมมี 2 ชุดชุดหนึ่งไหว้บรรพบุรุษ อีกชุดหนึ่งไหว้โท้วตี่ซิ้ง คือ เทพยดาผืนดิน ของไหว้บรรพบุรุษมีของคาว ของหวาน ผลไม้ โดยนิยมกันว่าต้องมีขนมไหว้เป็น " จูชังเปี้ย " หรือ " ขนมเปี๊ยะกรอบ " และมีกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ แถมด้วยอาหารน้ำ 1 อย่าง จะเป็นน้ำแกงหรือขนมอี๊ก็ได้อย่างไรก็ตามแผ่นดินใหญ่และทำตาม ก็จะเอา " หอยแครงลวก " ไปไหว้ด้วย และจะช่วยกันกินหอยแครงตรงฮวงซุ้ยนั่นเอง ส่วนเปลือกหอยที่เหลือจะโปรยไว้บนเนินดินนอกจากนี้ก็มีของไหว้เทพยดาผืนดินซึ่งเหมือนของไหว้แป๊ะกง การไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย มีธรรมเนียมการเอาสายรุ้งไปแต่งโปรยไว้บนเนินดินเหนือหลุม ถ้าไหว้เป็นปีแรก จะใช้สายรุ้งสีแดงโดยเฉพาะ ปีต่อ ๆ มา จึงเล่นหลายสีได้ [ที่เมืองไทย ไม่เคยเห็นคนเอา"หอยแครงลวก"ไปไหว้ซักที อาจเพราะความไม่สะดวกก็ได้มั๊งครับ]

การไหว้ต้องไหว้เทพยดาผืนดินก่อน ด้วยธูป 5 ดอก เพราะถือว่าท่านเป็นเทพเจ้าที่จากนั้นจึงไหว้บรรพบุรุษด้วยธูป 3 ดอก และต้องไหว้ 3 รอบ (เฉพาะบรรพบุรุษ) รอจนไหว้ครั้งที่ 3 แล้ว จึงเผากระดาษเงินกระดาษทอง จากนั้นจึงจุดประทัดส่งท้าย เรื่องธรรมเนียมการจุดประทัดนี้ เข้าใจว่าเพื่อให้เสียงอันดังช่วยขับไล่สิ่งไม่ดี ไม่ให้เข้าใกล้กวนบรรพบุรุษ ยิ่งไปกว่านั้น มีการถือว่า ประทัดยิ่งดังยิ่งดี จะทำให้ลูกหลานยิ่งรวย จากประเพณีพิธีกรรมดังกล่าวล้วนเกิดจากความกตัญญูรู้คุณที่ลูกหลานพึงมีต่อบรรพบุรุษของตนเอง [แต่ว่าโดยความเชื่อของบ้านผมแล้ว การจุดประทัดที่สุสาน ไม่ดีครับ เพราะเป็นการรบกวนบรรพบุรุษ และขับไล่ไม่เฉพาะสิ่งไม่ดีเท่านั้น อาจรวมไปถึงบรรพบุรุษเราเองด้วยครับ ... อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ]

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551

มาเลเซี่ยนสไตล์

กลับมาอีกแล้วครับ ... สูตรอาหารชั้นเลิศ จาก ร้านอาหาร ภัตตาคารสุดหรู ในเว็บไซต์ Gourmet.Masii คอลัมน์ เมนูแนะนำประจำสัปดาห์ ... วันนี้ผมเลือกเอาเมนูที่เป็นอาหารจาก บ้านใกล้เรือนเคียงของประเทศไทยเรา นั่นคือ อาหารมาเลเซีย ครับ อิอิ จริงๆแล้วชื่อมันก็บอกอยู่ในตัวของมันแล้วว่า ... แกงเนื้อสไตล์มาเลเซีย ใส่มันฝรั่ง

แกงเนื้อสไตล์มาเลเซีย ใส่มันฝรั่ง
เครื่องปรุงสำหรับ(4 คน)
น้ำมันจากถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงสับ 5 หัว
กระเทียมโขลก 2 กลีบ
ขิงสด นำมาขูด ยาวประมาณ 2 นิ้ว
ผงกระหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ
อบเชยบดละเอียด 41 ช้อนชา
ยี่หร่าบดละเอียด 1 ช้อนชา
ผักชีบดละเอียด 1 ช้อนชา
ใบกระวานบดละเอียด 1/4 ช้อนชา
ใบกระหรี่ 4
ลูกจันทร์แปดกลีบ 1
กานพลู 4
เนื้อสเต๊กสันนอก หั่นเป็นชิ้นขนาด 1/2 นิ้ว 375 กรัม
มันฝรั่ง ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นขนาดกลางๆ 300 กรัม
พริกชี้ฟ้าแดง ขูดเอาเม็ดออก และหั่นเป็นชิ้นบางๆ 2 เม็ด
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำกะทิ 300 มล.
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
พริกแดงฝานเป็นชิ้นๆ สำหรับตกแต่ง

วิธีการปรุง
1. ใช้กระทะสำหรับทำซ้อส ใส่น้ำมัน ตั้งกระทะไฟอ่อนๆ พอกระทะเริ่มร้อน ใส่หอมแดง, กระเทียม และขิง ทอดเรื่อยๆประมาณ 5 นาที กระทั่งส่วนประกอบเริ่มอ่อนตัว
2. ใส่ตามด้วย ผงกระหรี่, อบเชย, ยี่หร่า, ผักชี, ใบกระวาน, ใบกระหรี่, ลูกจันทร์ และกานพลู ทอดต่ออีกประมาณ 1 นาที
3. นำเนื้อวัวลงไปผัดในส่วนผสมทั้งหมดในกระทะ ใส่มันฝรั่ง, พริก, เกลือ และกะทิลงไป ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ทิ้งใว้ให้ระอุจนเดือด ลดไฟ หาฝามาคลอบกระทะ ปล่อยให้เคี่ยวทิ้งไว้ หมั่นตักคน ประมาณ 40 นาที กระทั่งเนื้อวัวเริ่มนุ่ม และมันฝรั่งเริ่มสุก
4. เปิดฝา ใส่น้ำมะนาว และน้ำตาลทรายแดง ลงไปคน ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที ปรุงรสหากจำเป็นเสิร์ฟร้อนๆ ตกแต่งด้วยพริกแดง

credit: Gourmet.Masii.Com

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

สัปดาห์รักการอ่านแห่งชาติ

จากหน้าข่าวสารที่เคยผ่านหูผ่านตามาหลายต่อหลายครั้ง เค้าบอกไว้ว่า สถิติของคนไทยให้ความสนใจการอ่านหนังสือลดน้อยลงเรื่อยๆ ... ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากครับ ถ้าเราให้ความสำคัญกับหนังสือเป็นเพียงเป็นสิ่งที่ให้ความรู้ในห้องเรียนเท่านั้น เพราะที่แท้จริงแล้ว หนังสือ หรือ สื่อสิ่งพิมพ์ มีมากมาย หลายอย่าง ที่มีความแตกต่างกันออกไป ... การอ่านหนังสือ ผมว่ามันช่วยให้ คนเรามีสมาธิมากขึ้น และมีประโยชน์มากโดยเฉพาะเด็กๆ ให้ได้รับการฝึกฝนด้านการใช้สมาธิ

ที่ผมพล่ามมายืดยาวไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมายครับ แค่อยากแนะนำให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจ และรักการอ่านมากๆยิ่งขึ้น .... รวมทั้ง มาแนะนำ กิจกรรม งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 36 ซึ่งปีนี้จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ครับ ... โดยงานเริ่มตั้งแต่วันนี้ (26 มีนา) จนถึง 7 เมษา เวลา 10 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มครับ ... ถ้ามีใครสนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมก็เข้าไปได้ตามเว็บไซต์นี้ครับ http://www.bangkokibf.com/aboutBKKIBF_thai.php








credit: http://www.bangkokibf.com/

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2551

ครัวกลางน้ำ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ... ผมได้ไปทำบุญสังฆทานที่สำนักสงฆ์ แห่งนึง อยู่แถวๆ บางเลน ซึ่งเค้ากำลังสร้างวัดกันอยู่ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้การรับรอง จึงเป็นได้แค่ สำนักสงฆ์เท่านั้น ระหว่างทางกลับ ผมใช้เส้น ราชพฤกษ์ ก็จะผ่านร้านอาหารดีๆ ร้านหนึ่งชื่อ ครัวกลางน้ำ .... วันนี้เลยจะแนะนำกันซะหน่อย

ร้านอาหาร ครัวกลางน้ำ

ร้านอาหาร ครัวกลางน้ำ ตั้งอยู่บนถนนสาทร-ราชพฤกษ์ บรรยากาศธรรมชาติบริสุทธิ์ดีมาก และไม่ห่างไกลนักจากใจกลางเมือง ที่นี่เค้าเปิดให้บริการห้องคาราโอเกะหลายห้อง โดยเฉพาะห้องใหญ่แบบ VIP จะติดตั้งจอทีวีโปรเจคเตอร์ และเครื่องเสียงบรรเลงกระหึ่มใจให้ได้ร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานกับเพื่อนร่วมงาน หรือครอบครัวได้เรื่อยๆถึงตีหนึ่ง เลยครับ


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพสวยๆ จาก Gourmet.Masii.Com ครับ

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2551

ร้านดีๆ ที่อารีย์

อิจฉาจริงๆ ปีนี้มีเพื่อนๆของผมที่แต่งงานไปแล้วหลายคน และที่กำลังจะแต่งก็มีอีกหลายต่อหลายคน ... วันนี้ก็มีเพื่อนคนนึงโทรมานัดเจอกันตามประสาเพื่อนเก่า และบอกว่าจะมีเพื่อนคนหนึ่งแต่งงานเร็วๆนี้แล้ว ก็เลยนัดกันกินข้าวพร้อมกับแจกการ์ดเชิญไปในตัวด้วย แถวๆ อารีย์

พอพูดถึงอารีย์ ทำให้ผมนึกได้ว่ามีร้านอาหาร ดีๆ มาแนะนำให้กับ พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอา และญาติสนิทมิตรสหายทุกท่านอีกครั้ง
- ร้านแรกชื่อ ร้านอาหาร บ้านใบตอง เป็นร้านอาหารไทยอยู่ในซอย อารีย์ 5 ขายทั้งตอนกลางวันและตอนเย็น แต่ไม่ดึกมาก
- ส่วนร้านที่สองชือ ร้านอาหาร แดฟโฟดิลส์ (Daffodils ) ถึงแม้ว่าชื่อฝรั่ง แต่ขายอาหารไทยนะครับ อยู่ใกล้ ๆ กับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าอารีย์

ส่วนใหญ่ร้านอาหารแถวอารีย์มักจะเน้น ลูกค้าต่างชาติ เพราะมาอยู่กันเยอะ แต่ว่าถึงเป็นลูกค้าคนไทยก็ไม่เกี่ยง ... คนไทยหัวใจบริการอยู่แล้วครับ ใครอยากได้รายละเอียดร้านไหนก็ คลิ๊ก ที่ชื่อร้านนั้นได้เลยครับ ... ลองดู แล้วคุณอาจจะติดใจ

Credit: http://gourmet.masii.com/

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551

อาหารจีน สไตล์แต้จิ๋ว ฮ่องกง

หลังจากที่เคยแนะนำเยาวราชและสำเพ็ง ในวันที่ผ่านๆมาแล้ว ... สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในสีสันของความเป็นเยาวราช คือ อาหารจีนครับ
อาหารจีนแถวเยาวราชมีมากมาย หลายแบบ เช่น อาหารเสฉวน อาหารแคระ อาหารจีนไหหลำ อาหารจีนกวางตุ้ง เป็นต้นครับ ... แต่วันนี้ ผมจะแนะนำร้านๆนึง ซึ่งเคยขายอาหารจีนในย่านเยาวราช กับอาหารจีนประเภทที่คุ้นเคย กับคนไทยเป็นอย่างดีนั่นคือ ร้านอาหารจีนแบบแต้จิ๋ว และฮ่องกง


ฮวดหลี ร้านอาหารจีนสไตล์แต้จิ๋ว และฮ่องกง ซึ่งเปิดบริการมาแล้วกว่า 10 ปีในย่านเยาวราช ได้ย้ายกิจการมาเปิดใหม่บนถนนรัชดา อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีห้วยขวาง โดยให้ใช้ทางออกที่ 3
ที่ฮวดหลี มีรายการอาหารหลากหลาย ที่เตรียมรอให้นักชิมเช่นคุณเข้ามาทาน และจัดอันดับความอร่อย Star Dish ที่คุณไม่ควรพลาด ได้แก่ ปลาหิมะนึ่งซีอิ๊ว, หมูหัน-หมั่นโถว, สเต๊กเป๋าฮื้อ และหูฉลามน้ำแดง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีรายการอาหารที่ผมว่าน่าสนใจ อาทิ ปูผัดขิง, เป๋าฮื้อออสเตรเลียเจี๋ยน,หอยแมลงภู่นึ่งกระเทียม และหอยเชลล์อบซ้อส เป็นต้น

ขอขอบคุณ คอลัมน์ Monthly Highlight ของ Sinderella Gourment.Masii.Com ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2551

Sudoku เกมตัวเลขบนตรรกะ

ช่วงนี้หลายๆคน คงเห็นว่าในกรุงเทพ ยามเช้า จะมีพนักงานแจกหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฟรีตามตึกใหญ่ๆ ชื่อ Daily Xpress ... ภายในจะมีข่าวสารต่างๆ ทั้งการเมือง แฟชั่น กีฬา การ์ตูน ... แต่มีส่วนหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของผมเป็นพิเศษ นั่นคือ ในส่วนของเกม ซึ่งนำมาจากต่างประเทศ ... และเกมที่ชอบมากที่สุดคือ Sudoku เพราะเป็นเกมบนหนังสือพิมพ์ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบนรถเมล์ ในร้านอาหาร ร้านขนมหวาน ยามว่างทุกเวลา ผมเลยลองหาประวัติมาเล่าสู่กันอ่านบ้างครับ

ประวัติ Sudoku (credit: http://www.thaiall.com/sudoku/indexo.html)

ซูโดะกุ (Sudoku) ในภาษาญี่ปุ่น เป็นคำย่อจากคำว่า ซูจิวะโดะกุชินนิคางิรุ (Suuji wa dokushin ni kagiru) มีความหมายว่า "ตัวเลขต้องมีเพียงเลขเดียว" ชื่อของซูโดะกุ มีการเรียกชื่อแตกต่างกันในแต่ละภาษา ตั้งแต่ ซูโดะกุ ซูโดกู หรือ ซูโดคู


ซูโดะกุ (Sudoku) คือ เกมปริศนาตัวเลข ที่ผู้เล่นต้องเลือกใส่ หมายเลขตั้งแต่ เลข 1 ถึงเลข 9 โดยมีเงื่อนไขว่าในแต่แถวและแต่ละหลักตัวเลขต้องไม่ซ้ำกัน ตารางซูโดะกุจะมี 9x9 ช่อง ซึ่งประกอบจากตารางย่อย 9 ตาราง ในลักษณะ 3x3 แบ่งแยกกันโดยเส้นหนา และในแต่ละตารางย่อยจะมีตัวเลข 1 ถึง 9 เช่นเดียวกัน เมื่อเริ่มเกมจะมีตัวเลขบางส่วนให้มาเป็นคำใบ้ และผู้เล่นจะต้องใส่ทุกช่องที่เหลือให้ครบ โดยตามเงื่อนไขว่าแต่ละตัวเลขในแต่ละแถวและหลักจะใช้ได้ครั้งเดียว รวมถึงในแต่ละขอบเขตตารางย่อย การเล่นเกมนี้จำเป็นต้องใช้ความสามารถในด้าน ตรรกะ และความอดทนรวมถึงสมาธิ



รูปตัวอย่างซูโดะกุ (Sudoku) cedit:http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/6/sudoku1/Image1.jpg

เกมนี้เริ่มต้นเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2522 ในชื่อ นัมเบอร์เพลซ (Number Place) แต่เป็นที่นิยมและโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ ซูโดะกุ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และเป็นที่นิยมทั่วโลกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2548

ลองๆไปหาเล่นดูกันบ้างนะครับ แล้วจะติดใจเหมือนผม ... หุหุหุ

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551

10,000 B.C.

ผมมีเป้าหมายไปเที่ยวสำหรับวันพรุ่งนี้แล้วครับ .... ตอนแรกคิดว่าจะไปหาร้านอาหาร ย่านบางแค กินก่อน ... ต่อจากนั้นค่อยไปดูหนังที่ เดอะมอลล์บางแค วันนี้เลยได้มีโอกาสเข้าไปหาหนังที่จะไปดู โดยตั้งใจไว้แล้วว่า จะดูเรื่อง "10,000 B.C." หรือ ในชื่อไทยว่า "บุกอาณาจักรโลก 10,000 ปี"ครับ

หลายคนอาจจะสงสัย B.C. มันคืออะไรกันแน่ B.C. เป็นคำย่อที่มาจากคำว่า "Before Christ" หรือในภาษาไทยแปลว่า "ก่อนปีคริสตกาล" ซึ่งเค้าจะนับกันแบบย้อนถอยหลังจาก ปีที่พระเยซูคริสต์ ประสูติ ตามพระประวัติทางศาสนาคริสต์ ครับ ดังนั้น หนังเรื่อง 10,000 B.C. จึงหมายถึงว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น 10,000 ปีที่แล้วก่อนปีคริสตกาลหรือก่อนปีประสูติของพระเยซูคริสต์

นอกจากนี้ผมก็เอาเรื่องย่อมาฝากด้วยละกัน เผื่อมีใครอยากไปดูเป็นเพื่อนผม อิอิ .....
credit: http://www.nangdee.com/title/?movie_id=1416

เนื้อเรื่องย่อ
ท่ามกลางชนเผ่าชาวเขาอันไกลโพ้น นักล่าวัยหนุ่ม ดี’เลห์ (สตีเวน สเตรท) ได้ค้นพบปรารถนาแห่งหัวใจ สาวงามนามว่าเอโวเล็ท (คามิลลา เบล) เมื่อบรรดานักรบลึกลับบุกเข้ายึดหมู่บ้านของเขาและลักพาตัวเอโวเล็ทไป ดี’เลห์ถูกบังคับให้เป็นผู้นำกลุ่มนักล่าจำนวนหยิบมือในการไล่ล่าพวกนักรบไปยังสุดขอบโลกเพื่อช่วยชีวิตเธอ

ด้วยแรงขับแห่งโชคชะตา เหล่านักรบจำเป็นจะต้องเผชิญกับเสือเขี้ยวดาบ และสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์ และได้ค้นพบอารยธรรมที่สูญหายในตอนจบของการเดินทางอันกล้าหาญของพวกเขา ชะตาชีวิตที่ท้าทายของพวกเขาขึ้นอยู่กับอาณาจักรที่เหนือจินตนาการซึ่งมีกลุ่มปิรามิดสูงเสียดฟ้า ณ ที่นั้นพวกเขาจะต้องต่อกรกับเทพเจ้าทรงอำนาจซึ่งทำให้ผู้คนต้องตกเป็นทาสอย่างทารุณ

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551

ระเบียงทะเล ที่อยู่ติดแม่น้ำ

เร็วๆนี้ ผมกำลังจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนเพื่อนาบ้านของเราในเดือนหน้า คือ ประเทศ เวียดนาม ครับ แต่ ยังก่อน วันนี้ผมยังไม่คิดจะพูดอะไรที่เกี่ยวกับทริปการเดินทางของผมอันนี้ ไว้ครั้งหน้าแล้วเราว่ากันใหม่ นะครับ

แต่เนื่องด้วย พาสปอร์ตของผมที่ใช้อยู่นะปัจจุบัน (ซึ่งต่อมาครั้งนึงแล้ว ก็ใช้มาเป็น 10 ปีแล้วครับ) กำลังจะหมดอายุตัวของมันเองลงไปในเดือนหน้านี้แล้วเช่นกัน ทำให้ผมจำเป็นที่จะต้องไปทำพาสปอร์ตใหม่ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น อีเลคโทนิค พาสปอร์ต หรือ e-passport แล้วครับ และนี้เองครับที่เป็นสาเหตุให้ เมื่อวานนี้ผมหายไปไหนมา

การทำพาสปอร์ตในเขตกรุงเทพฯ สามารถทำได้ 3 แห่งครับคือ ที่กรมการศุลกากรแจ้งวัฒนะ สถานบริการปิ่นเกล้า และ สถานบริการบางนา สำหรับตัวผมแล้วที่ปิ่นเกล้า สะดวกสุดแล้วครับ .... ระหว่างทางไปปิ่นเกล้า ผมต้องผ่านเส้นจรัญสนิทวงศ์ ทำให้ได้มีโอกาส แวะเข้าไปเยี่ยม"ร้านอาหาร ระเบียงทะเล"ซึ่งอยู่ในซอยจรัญ 86/1 ที่ผมเคยอ่านผ่านตามาจากเว็บไซต์ Gourmet.Masii.Com ... บรรยากาศดีมากๆ อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลยทีเดียว จริงๆแล้ว ในความคิดผม เค้าน่าจะตั้งชื่อร้านว่า "ระเบียงแม่น้ำ" มากกว่านะครับ เพราะอยู่ติดแม่น้ำซะขนาดนี้ ใครได้ไปแถวนี้ ก็ลองดูหน่อยก็แล้วกันนะครับ .......










credit: http://gourmet.masii.com/th/restaurant/?rid=1375

พอดีไม่ได้เอากล้องติดตัวไปเองด้วย เลยเอาภาพจาก gourmet.masii.com มาให้ดูแทนก็แล้วกันนะครับ

วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2551

ชุมชนโลกเสมือนจริงที่เราต้องดูแล

ทุกวันนี้ความก้าวหน้าของโลกเสมือนจริง หรือ Internet มีความสำคัญต่อสังคมชีวีตมนุษย์ยุคใหม่มากขึ้นเรื่อยๆจริงๆนะคับ ทำให้การติดต่อสื่อสาร และชุมชนก็ถูกเปลี่ยนเคลื่อนย้ายเข้ามาสู่โลกไซเบอร์ (Cyber World) ใบนี้มากขึ้นด้วยเช่นกันด้วย

ตัวอย่างของชุมชนที่ติดต่อสื่อสารกันที่ผมเคยเห็นมาบ่อยๆ เช่น Hi5.com, My Space, Masii.com, และ Blog ตามแหล่งต่างๆ จะสามารทำให้เกิดความสะดวกในการหาข้อมูลจากคนรอบข้าง ทั้งที่เรารู้จักและบางคนเราก็ไม่รู้จัก ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ แหล่งข้อมูลความรู้เอย หาสินค้าออนไลน์เอย หาร้านอาหารดีๆซักที่เอย รวมทั้งข้อมูลแหล่งบันเทิงต่างๆนาๆ เราสามารถที่จะได้มาจากเพื่อนๆในชุมชน internet นี่เอง

แต่ถึงอย่างไร สิ่งต่างๆย่อมมีสองด้านเสมอนะคับ เมื่อมันมีคุณประโยชน์อนันต์ แต่ก็มันมีโทษมหันต์ เช่นกัน .... สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการใช้ของเราเอง ทุกคนควรใช้วิจารณญานในการใช้งานด้วยนะคับ เพราะเราๆท่านๆ ก็ได้เห็นตัวอย่างที่สะเทือนสังคมมานักต่อนักแล้ว

วันนี้ดูเหมือนซีเรียสไปซะหน่อย แต่ก็อยากให้ดูแลกันหน่อยนะคับ ..........

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

สำเพ็ง ก็คือ สำเพ็ง

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้ไปเดินหาซื้อของแถวๆ สำเพ็ง เยาวราช ... แม้หลายๆอย่างจะเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย แต่ผมได้เห็นถึงสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย นั่นคือ

เยาวราช ยังคงเป็น เยาวราช และสำเพ็ง ก็ยังคงเป็น สำเพ็ง นั้นคือ ความพลุกพล่าน ไปด้วย พ่อค้าแม่ค้า ของขาย นักช็อปปิ้งจับจ่ายซื้อของ และนักท่องเที่ยว ความเป็นเยาวราช ไม่เคยหลับ ยามกลางวัน มีทั้งร้านค้าส่ง และปลีก ขายอุปโภค บริโภค ทั้งเครื่องเขียน เครื่องครัว ของที่ระลึก อาหารแห้ง และอะไรอีกมากมาย ส่วนยามกลางคืน ก็เต็มไปด้วยร้านอาหาร ที่เปิดกันเต็มข้างทางถนนเยาวราช



รูปภาพ: สำเพ็ง
credit: http://www.108trip.com/aroundbkk/shopping/sampeng.html







สำเพ็งเป็นส่วนหนึ่งของเยาวราชที่อยู่ลึกเข้าไป ห่างจากถนนหลักใหญ่ แต่ว่าสิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความลำบากในการแสดงความเป็นแหล่งสินค้าส่ง และปลีกทางด้านของขวัญ ของฝาก หรือของจิปาถะ ส่วนใหญ่แล้วราคาของสินค้าที่ถูกจะเป็นสินค้าส่ง คือต้องซื้อหลายๆชิ้น หรือยกโหล แต่ถึงอย่างไร สินค้าปลีกก็ยังคงมีราคาถูกว่าที่อื่นมากนัก ทำให้ ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาจับจ่ายกันอย่างล้นหลาม

ผมต้องเดินเบียดเสียดผู้คนเพื่อไปซื้อของ ระหว่างทางจะมีคนเข็นรถขนสินค้า หรืออาหาร ทำให้คนเดินต้องหลบตามด้านข้างอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน แต่ความคึกคักของผู้คน ก็ทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อกับการเดินดูสินค้าที่หลากหลายมากมายไปหมด

วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2551

สูตรเด็ด อาหารคนไดเอ็ท

ฮ่าๆๆๆๆ วันนี้มีสูตรอาหารเจ๋งๆ ฉบับร้านอาหารสไตล์ลอนดอน มาฝากครับ ผมคิดว่า สูตรนี้เหมาะสมกับคนที่ต้องการลดความอ้วน ได้รสชาดที่ไม่จำเจ และดูสุดหรู ทั้งๆที่ เครื่องประกอบ เครื่องปรุง หาได้ไม่ยาก แถวๆบ้านเรานี้เอง
นั้นก็คือ .... สลัดใบผักชี กับมะเขือเทศ .... ครับ


รูปภาพ: สลัดใบผักชี กับมะเขือเทศ
credit: http://gourmet.masii.com/th/recipe/?rid=57







เครื่องปรุงสำหรับ(4 คน)
มะเขือเทศลูกเล็กๆ หั่นเป็นชิ้นๆ (ใช้มะเขือเทศสีดาร่วมด้วย ถ้ามี) 1 กก.
เปลือกมะนาวขูด 2 ช้อนชา
หอมแดงลูกเล็ก ฝานบาง 2 ลูก
งาคั่ว (ถ้ามี) 1 ช้อนโต๊ะ
ทำน้ำสลัด:
ใบผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมโขลก 1 กลีบ
น้ำผึ้งใส 1/2 ช้อนชา
พริกป่น 1 หยิบมือ
น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ และพริกไทย


วิธีการปรุง
  1. ขั้นแรกทำน้ำสลัด นำใบผักชีที่หั่นไว้ ใส่รวมกับน้ำมะนาว ,กระเทียมโขลก, น้ำผึ้ง, พริกป่น, เกลือ และพริกไทย เทตามด้วยน้ำมันมะกอก และคลุกเคล้าส่วนประกอบทั้งหมดให้เข้ากัน
  2. จัดเรียงมะเขือเทศที่หั่นเตรียมไว้ ลงในชามที่จะใช้สำหรับเสิร์ฟ โรยด้วยเปลือกมะนาวขูด, หัวหอม, หอมแดง และงาคั่ว(ถ้ามี)
  3. คลุกเคล้าน้ำสลัดที่เตรียมไว้อีกครั้ง และราดลงบนสลัด หาฝาคลอบ และทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ได้รสชาติซึมซับ และเข้มข้นยิ่งขึ้น พร้อมเสิร์ฟ
ขอขอบคุณเว็บไซด์ Gourmet.Masii.Com สำหรับข้อมูลสูตรอาหารดีๆด้วยครับ

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551

เกล็ดความรู้ในวันหัวว่าง

วันนี้ไม่มีอะไร แต่อยากมีความเคลื่อนไหวใน Blog บ้าง
เลยหา เกล็ดความรู้เล็กๆน้อยมาซัก 3 ข้อ ฝากเกี่ยวกับการทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านอาหารทั่วไปทำกันครับ

1. ละลายเนื้อจากช่องแช่แข็งได้เร็วโดยไม่เสียรส ชาด

วิธีง่ายๆ ให้เนื้อที่ Freeze ไว้ในตู้เย็นละลายได้เร็ว เพียงคุณนำหม้อแสตนเลสมา 2 ใบ นำไปหนึ่งคว่ำ เอาเนื้อชิ้นที่ต้องการละลายวางไว้บนก้นหม้อที่หงายขึ้นแล้วเอา หม้ออีกใบวางทับเนื้อ โดยใช้ด้านก้นหม้อ เพียง 15 นาที เนื้อที่แข็งจนหั่นไม่เข้าก็นิ่มจนสามารถนำไปปรุงอาหารได้แล้วค่ะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะแสตนเลสมีคุณสมบัติ ในการนำพาความร้อนและเย็น ความเย็นจากเนื้อถ่ายสู่เนื้อหม้อทั้งบนและล่างทำให้เนื้อคลายตัวได้เร็วกว่าการนำไปเวฟทั้งยังไม่เสียรสชาดอีกด้วยครับ

2. ปอกเปลือกไข่ต้มได้สวยงาม

เริ่มด้วยการนำไข่ต้มที่จะปอกทั้งเปลือก มาใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด เรียงชั้นเดียว นะครับ แล้วเติมน้ำให้ท่วมไข่ สูงกว่าไข่ประมาณ 1 นิ้ว แล้วปิดฝา เมื่อปิดฝาเรียบร้อย คุณก็เขย่าเลยครับ ให้แรงๆเลย ไม่ต้องกลัวไข่แตก แล้วเปิดฝาออก นำไข่มาปอก เปลือกได้โดยง่ายดาย สวยงาม เป็นเพราะน้ำที่ใส่เข้าไปแทรกตัวในรอยแตก และการกระแทกกันของไข่ก็เป็นการบุบเปลือก จึงทำให้ไข่ปอกได้สวยง่ายดายครับ

3. วิธีแก้แกงจืดเค็ม

ถ้าต้มแกงจืดแล้วเค็มเกินไป เติมน้ำมากเกินไปจะทำให้หย่อนรสอร่อย แก้ได้โดยใช้แป้งหมี่หรือข้าวสารที่ล้างสะอาดแล้วห่อด้วยผ้าขาว หย่อนลงไปต้ม ในหม้อน้ำแกง สักครู่หนึ่งรสเค็มจะค่อยๆถูกดูดไป น้ำแกงจะหายเค็ม นอกจากนี้ยัง ใช้มันฝรั่งแก้เค็มได้ แต่ต้องปอกเปลือกออกให้หมดแล้วใส่ลงไป ทิ้งไว้สักครู่จึงตัก มันฝรั่งขึ้น ความเค็มจะถูกดูดออกเช่นกัน ครับ

ไอเดียเจ๋งๆเหล่านี้ ไม่ได้มาจากที่ไหนไกลครับ หาเอาตาม forward mail นั้นเอง

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551

ความสุขทางใจ ใกล้วัดใกล้วา

เมือวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ ไปทำบุญที่วัด โสธรฯ จังหวัด ฉะเชิงเทรา
หลังจากที่ไม่ได้ไปมานาน ... พอมาอีกครั้ง ก็พบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
เช่น พระอุโบสถ ที่สร้างก็เสร็จเรียบร้อยนานแล้ว ...
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ แรงศรัทธา ของ พุทธสาสนิกชน ยังคงหลั่งไหล ไปไม่ขาด



รูปภาพ: พระอุโบสถ วัดโสธรวราราม จังหวัด ฉะเชิงเทรา
credit: http://www.dhammathai.org/watthai/central/watsothon.php







ผมได้เข้าไปไหว้พระ โดยเบียดเสียดผู้คนมากมาย มีทั้งไหว้พระ ทำบุญ เสี่ยงเซียมซี แก้บน
แล้วแต่ว่าจุดประสงค์ใครจะทำอะไร ทำให้ดูเหมือนเบียดยัดเยียดเต็มไปหมด
แต่ถึงอย่างไร ก็ยังยอมรับการจัดการของทางวัดที่ทำได้อย่างดีใช้ได้เลยทีเดียว
ทั้งเรื่องรถรา ร้านค้า ร้านอาหาร การซื้อของทำบุญ หลายต่อหลายอย่าง

หลังจากได้ไปวัดโสธรฯ แล้วก็ได้ย้อนไปที่ เสถียรธรรมสถาน ของแม่ชีศันสนีย์
ที่นี่ เงียบ สงบ และเป็นกันเองอย่างมาก ทำให้รู้สึกถึงความร่มรื่นในจิตใจ
ถ้าใครที่ต้องการปฏิบัติธรรม ก็อยากขอแนะนำที่นี่เหมือนกัน
เพราะเค้ามีการจัดโปรแกรมดีๆ สำหรับคนที่ต้องการหาความสงบทางใจ





รูปภาพ: เรือน 'จิตประภัสสร' ในเขต เสถียรธรรมสถาน
credit: http://www.sdsweb.org/